กาแฟดริปเย็นคืออะไร? รู้จักวิธีชงและข้อดีที่คุณต้องลอง

กาแฟดริปเย็น (Cold Drip Coffee) เป็นวิธีการชงกาแฟที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วิธีนี้ไม่เพียงแต่ให้รสชาติที่แตกต่างและหอมหวาน แต่ยังมีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบกาแฟ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับกาแฟดริปเย็นให้มากขึ้น

ความหมายของกาแฟดริปเย็น

ดริปกาแฟ คืออะไร แจกวิธีดริปกาแฟ พร้อมสูตรเด็ดทำตามได้ง่ายๆ

กาแฟดริปเย็นคือ วิธีการชงกาแฟโดยใช้น้ำเย็นแทนการใช้น้ำร้อน ซึ่งแตกต่างจากการชงกาแฟแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้น้ำร้อนเพื่อสกัดรสชาติจากกาแฟบด การใช้น้ำเย็นนี้จะทำให้กระบวนการสกัดกาแฟเป็นไปอย่างช้า ๆ และนุ่มนวล ทำให้กาแฟมีรสชาติที่กลมกล่อม หวานละมุน และไม่ขม

ขั้นตอนและวิธีการชงกาแฟดริปเย็น

อุปกรณ์ที่จำเป็น

การชงกาแฟดริปเย็นนั้นต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะดังนี้:

  • โถใส่น้ำแข็ง: สำหรับใส่น้ำเย็นหรือน้ำแข็ง
  • กระบอกใส่กาแฟบด: ส่วนตรงกลางของเครื่องชงที่ใส่กาแฟบดและฟิลเตอร์
  • วาล์วปรับการหยดน้ำ: ควบคุมความเร็วในการหยดน้ำเย็นลงบนกาแฟ
  • เหยือกรองน้ำกาแฟ: สำหรับรับน้ำกาแฟที่หยดลงมา
See also  กาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี: เลือกกาแฟแคปซูลที่ตอบโจทย์ทุกความพึงพอใจของคุณ

ขั้นตอนการชง

  1. เติมน้ำเย็นหรือน้ำแข็งลงในโถใส่น้ำแข็ง: น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำสะอาดและเย็นจัด
  2. ใส่กาแฟบดลงในกระบอกใส่กาแฟ: กาแฟควรบดในขนาดที่เหมาะสมไม่หยาบหรือละเอียดเกินไป
  3. ปรับวาล์วให้น้ำเย็นค่อยๆ หยดลงบนกาแฟ: กระบวนการนี้จะใช้เวลานานมาก โดยเฉลี่ย 12-14 ชั่วโมง เพื่อให้ได้กาแฟที่สกัดออกมาอย่างสมบูรณ์

ข้อดีของกาแฟดริปเย็น

รสชาติที่แตกต่าง

กาแฟดริปเย็นมีรสชาติที่กลมกล่อมและหวานนุ่มกว่ากาแฟที่ชงด้วยน้ำร้อน เนื่องจากการสกัดรสชาติจากกาแฟด้วยน้ำเย็นจะไม่ทำให้กาแฟมีรสเปรี้ยวหรือขม

ความเข้มข้นและอโรมา

การชงด้วยน้ำเย็นช่วยรักษาอโรมาและรสชาติของกาแฟให้คงอยู่ ทำให้กาแฟที่ได้มีความเข้มข้นและมีกลิ่นหอมมากขึ้น

เก็บได้นาน

กาแฟดริปเย็นสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 4 สัปดาห์ โดยที่รสชาติไม่เปลี่ยนแปลง สามารถดื่มได้ทันทีโดยไม่ต้องเติมน้ำแข็ง

คาเฟอีนต่ำและกรดต่ำ

กาแฟดริปเย็นมีคาเฟอีนและกรดต่ำกว่ากาแฟที่ชงด้วยน้ำร้อน ทำให้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับท้องและไม่สามารถดื่มกาแฟทั่วไปได้

ข้อเสียของกาแฟดริปเย็น

เครื่องดิปกาแฟ เครื่องสกัดกาแฟ drip coffee machine เครื่องชงกาแฟ mini  เครื่องทำกาแฟสด เครื่องทำกาแฟเย็น ตู้กาแฟหยอด เครื่องอัดชา เครื่องดริปกาแฟ  Cold Brew Coffee Maker เครื่องชงกาแฟ เครื่องชงกาแฟดริป ชุดดริปกาแฟ  ที่ดริปกาแฟ เหยือกดริปกาแฟ กาดริปกาแฟ ...

เวลาที่ใช้ในการชง

การชงกาแฟดริปเย็นต้องใช้เวลานานมาก ซึ่งอาจจะไม่สะดวกสำหรับคนที่ต้องการกาแฟอย่างรวดเร็ว

ความยุ่งยากในการชง

กระบวนการชงกาแฟดริปเย็นค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ ทำให้การชงกาแฟแบบนี้ไม่สะดวกสำหรับทุกคน

ราคาสูงกว่า

กาแฟดริปเย็นมักมีราคาสูงกว่ากาแฟทั่วไป เนื่องจากต้องใช้กาแฟบดมากกว่าและใช้เวลาชงนาน

วิธีการดื่มกาแฟดริปเย็น

กาแฟดริปเย็นสามารถดื่มได้หลายแบบ:

  • ดื่มแบบเย็นสดชื่น: ดื่มกาแฟดริปเย็นตรงจากตู้เย็นโดยไม่ต้องเติมน้ำแข็ง
  • ใส่น้ำแข็ง: เพิ่มความเย็นสดชื่นด้วยการเติมน้ำแข็ง
  • ใส่นม: สำหรับคนที่ชอบความนุ่มนวล สามารถเติมนมหรือครีมเพิ่มได้

การชงกาแฟดริปเย็นในเชิงพาณิชย์

ความนิยมในร้านกาแฟ

ร้านกาแฟหลายแห่งเริ่มนำเครื่องชงกาแฟดริปเย็นมาใช้ในการบริการลูกค้า เนื่องจากรสชาติที่แตกต่างและคุณภาพของกาแฟที่ได้สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น

การชงเก็บไว้ขาย

นอกจากการชงแบบสด ๆ แล้ว ร้านกาแฟยังสามารถชงกาแฟดริปเย็นเก็บไว้ในขวดเพื่อจำหน่าย ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อกลับบ้านไปดื่มได้

เสนอชิมรสชาติกาแฟเย็น: ความแตกต่างระหว่าง Cold Brew & Cold Drip

How to Make Cold Brew Coffee Step-by-Step | Cooking School | Food Network

  • วิธีการสกัด: Cold Brew และ Cold Drip เป็นวิธีการสกัดกาแฟที่ใช้น้ำอุณหภูมิต่ำ แต่มีวิธีการสกัดที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดย Cold Brew จะสกัดด้วยการแช่กาแฟในน้ำเย็นโดยตรง ในขณะที่ Cold Drip จะใช้เครื่องชงที่มีการหยดน้ำทีละหยดลงบนกาแฟเข้าไปเรื่อย ๆ
  • เวลาที่ใช้: Cold Brew มักใช้เวลานานกว่า Cold Drip โดยมักจะใช้เวลาสกัดอย่างน้อย 8 – 24 ชั่วโมง ในขณะที่ Cold Drip อาจใช้เวลานานถึง 3 – 8 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นตามการตั้งค่าของเครื่องชง
  • สัดส่วน: สัดส่วนของกาแฟต่อน้ำสำหรับการสกัดทั้ง Cold Brew และ Cold Drip มักอยู่ในช่วง 1:12 – 1:15 ซึ่งหมายถึง 1 หรือ 1.5 ส่วนของน้ำต่อ 12 หรือ 15 ส่วนของกาแฟ
  • คุณสมบัติของกาแฟที่สกัดได้: การสกัดเย็นช่วยลดรสเปรี้ยวและความขมของกาแฟเมื่อเทียบกับการสกัดด้วยน้ำร้อน ซึ่งทำให้กาแฟมีรสชาติเนื้อหอมและนุ่มละมุนมากขึ้น นอกจากนี้ กาแฟที่สกัดเย็นยังมีคุณสมบัติการเก็บรักษาที่ดีกว่า สามารถเก็บไว้ดื่มได้นานขึ้น
  • การทำอุปกรณ์: การสกัด Cold Brew สามารถทำได้โดยใช้อุปกรณ์ที่ง่ายต่อการหามากขึ้น เนื่องจากวิธีการสกัดเป็นแค่การแช่ ในขณะที่ Cold Drip จะต้องใช้อุปกรณ์เครื่องชงที่มีการหยดน้ำอย่างช้าเพื่อให้กาแฟสกัดออกมาอย่างทันท่วงที และมักมีขนาดเล็กเพราะเป็นการสกัดที่มีการหยดน้ำลงไปหนึ่งหยดต่อครั้ง
See also  อะไรทำให้กาแฟอาราบิกามีราคาสูงกว่าโรบัสตา? คำตอบที่คุณต้องรู้

Cold drip coffee วิธี ทํา

How To Make Cold Drip Coffee & Why It Beats Immersion Cold Brew Every Time  - Baked, Brewed, Beautiful

กาแฟสกัดเย็นหรือ Cold Drip Coffee เป็นวิธีการทำกาแฟที่มีข้อแตกต่างจากการสกัดกาแฟโดยใช้น้ำร้อน เนื่องจากใช้น้ำเย็นหรือความเย็นในการสกัด ทำให้มีลักษณะและรสชาติที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน

วิธีการทำ Cold Drip Coffee มีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:

  1. การเตรียมอุปกรณ์: ต้องเตรียมอุปกรณ์เครื่องย่อยผงกาแฟ (เครื่องบด), อุปกรณ์สกัด Cold Drip, และเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลเพื่อใช้วัดสัดส่วนของกาแฟและน้ำ
  2. การเตรียมกาแฟ: บดเมล็ดกาแฟตามปริมาณที่ต้องการ โดยใช้เครื่องย่อยผงกาแฟ และวางกระดาษกรองไว้ด้านบนของอุปกรณ์สกัด Cold Drip
  3. การเตรียมน้ำ: ใส่น้ำเย็นหรือน้ำแข็งลงในอุปกรณ์ Cold Drip ตามสัดส่วนที่ต้องการ โดยมีอัตราส่วนของกาแฟและน้ำตามที่กำหนดไว้ (เช่น สัดส่วน 1:10)
  4. การปรับอัตราการไหล: ปรับให้น้ำไหลผ่านผงกาแฟอย่างช้าๆ โดยอัตราการไหลจะมีผลต่อความเข้มข้นและรสชาติของกาแฟ
  5. การสกัด: นำอุปกรณ์เข้าด้วยกันและนำไปแช่ในตู้เย็นเพื่อสกัดกาแฟ โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 8-12 ชั่วโมง หรือตามความชื้นและอุปกรณ์ที่ใช้
  6. การเสร็จสิ้น: เมื่อเวลาสกัดเสร็จสิ้นแล้ว ให้เทกาแฟที่สกัดเอาไว้ใส่ขวดแยกและแช่ในตู้เย็นเพื่อเก็บไว้ใช้
See also  วิธีชงกาแฟแบบ AeroPress: คู่มือการชงกาแฟง่ายๆ ที่บ้านอย่างมืออาชีพ

การทำ Cold Drip Coffee มีความยืดหยุ่นในการปรับปรุงสูตรตามความชอบของแต่ละคน เช่น การปรับอัตราส่วนของกาแฟและน้ำ หรือการปรับอัตราการไหลเพื่อให้ได้รสชาติที่ตรงกับความพอใจของตนเองได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มเติมกลิ่นและรสชาติของกาแฟได้อีกด้วย โดยการแช่ขวดใส่ตู้เย็นเพิ่มเติมเป็นเวลาหลายวัน จึงทำให้ Cold Drip Coffee เป็นเครื่องดื่มที่น่าสนใจและที่สามารถปรับแต่งได้ตามความชื่นชอบแต่ละคน

สรุป

กาแฟดริปเย็นเป็นวิธีการชงกาแฟที่ให้รสชาติที่แตกต่างและมีข้อดีหลายประการ ทั้งความเข้มข้นของรสชาติ ความหอมหวาน และสามารถเก็บได้นาน แม้ว่าจะมีข้อเสียเรื่องเวลาและความยุ่งยากในการชง แต่ก็เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนรักกาแฟที่ต้องการสัมผัสรสชาติใหม่ ๆ และหากคุณยังไม่เคยลองกาแฟดริปเย็น แนะนำให้ลองหาซื้อมาดื่มดู แล้วคุณจะหลงรักในความพิเศษของมัน